การใช้ปุ๋ยบุญพืชกับลองกอง

ลองกอง(longkong) เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดกลางเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ดีในเขตที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นลองกองเป็นพืชที่ชอบร่มเงาและไม่ชอบลมแรง อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 25-30องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศสูงประมาณ75-85 % ดินควรมีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ประมาณ 5.5-6.5และที่สำคัญควรปลูกในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้ง

 

สายพันธุ์ลองกอง
1. ลองกองแห้ง
ลองกองแห้ง หมายถึง พันธุ์ลองกองที่มีเปลือกค่อนข้างแห้ง หยาบและหนา เปลือกไม่นุ่มหรือยุบตัวง่าย จึงป้องกันเนื้อด้านในให้คงอยู่ได้ดี ส่วนสีเปลือกจะเป็นสีเหลืองและสุกมากจะเป็นเหลืองคล้ำ ส่วนเนื้อด้านในมี 5 กลีบเนื้อค่อนข้างใสเหมือนแก้ว มีเนื้อมาก เมล็ดเล็กหรือลีบมาก เนื้อให้รสหวานพอดีมีรสเปรี้ยวน้อย จึงเป็นสายพันธุ์ที่ให้ผลมีคุณภาพ นิยมปลูก และรับประทานมากที่สุดโดยสายพันธุ์ดั้งเดิม และเป็นที่นิยมปลูกในปัจจุบันจะมาจากบ้านซีโป ต. เฉลิม อ.ระแงะ จ. นราธิวาส หรือเรียกพันธุ์นี้ว่า ลองกองซีโป
2. ลองกองน้ำ
ลองกองน้ำ หมายถึงพันธุ์ลองกองที่มีเปลือกค่อนข้างบางกว่าลองกองแห้ง เปลือกยุบหรืออ่อนตัวง่ายกว่าทำให้ไม่สามารถเก็บผลไว้ได้นาน และเนื้อผลไม่ค่อยหวาน สู้ลองกองแห้งไม่ได้ ทั้งนี้พันธุ์ลองกองน้ำจะมีลักษณะลำต้น และใบคล้ายกับลองกองแห้งมากจนเกือบแยกแยะไม่ออกแต่จะแยกแยะได้ง่ายที่ผล คือสีเปลือกของลองกองน้ำเมื่อสุกเต็มที่แล้วจะมีสีจางหรือเป็นสีเหลืองซีดกว่าลองกองแห้ง และเมื่อกดหรือบีบผลจะทำให้เปลือกยุบบุ๋มลงได้ง่ายกว่า ส่วนเนื้อผลมี 5กลีบ มักเป็นสีขาวขุ่น
3. ลองกองแกแลแม
ลองกองแกแลแม หรือมีชื่อเรียกหลายอย่าง อาทิ ลองกองแปร์แม หรือดูกูแปร์แม ซึ่งท้องที่จัดให้เป็นพันธ์หนึ่งของดูกู/ลูกูแต่บางท้องที่จัดให้อยู่ในกลุ่มของลองกอง เพราะลักษณะผล และเนื้อผลต่างจากดูกูมากโดยลองกองแกแลแมจะมีช่อผลยาว ลักษณะผลค่อนข้างกลม เปลือกผลบาง มีสีเหลืองนวลไม่มียาง ส่วนเนื้อผลค่อนข้างนิ่มเหลว และมีกลิ่นฉุน

 

การปลูกลองกอง
ลองกองเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในดินที่ค่อนข้างชื้นตลอดปี หรือเป็นพื้นที่ที่มีฝนตกชุก แต่ควรเป็นที่ราบ และสามารถระบายน้ำได้ดีไม่มีปัญหาน้ำท่วมขัง เพราะหากมีน้ำท่วมจะทำให้ลองกองยืนต้นตายง่ายส่วนพันธุ์ที่ใช้ปลูกแนะนำเป็นพันธุ์ลองกองแห้ง และควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน

 

การเตรียมแปลงและหลุมปลูก
แปลงปลูกลองกองจำเป็นต้องไถกลบหรือไถวัชพืชออกก่อนและไถกลบดินไว้นานประมาณ 1 เดือน ก่อนจะขุดหลุมปลูกเตรียมไว้เป็นแถวๆขนาดหลุม 50 เซนติเมตร ทั้งด้านกว้าง ยาว และลึกโดยมีระยะปลูกระหว่างหลุมหรือต้นประมาณ 6-8 x 6-8 เมตร ซึ่ง 1ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 20-32 ต้น ทั้งนี้ให้รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยพลังบุญพืชประมาณ 1 ก.กพร้อมเกลี่ยดินลงคลุกผสมเล็กน้อย

 

วิธีการปลูกลองกอง
ต้นกล้าลองกอง ควรเป็นกล้าที่ได้จากการเสียบยอดเพราะจะได้ต้นลองกองที่ไม่สูงมาก และให้ผลผลิตเร็วกว่าการปลูกด้วยเมล็ดซึ่งมักหาซื้อได้ตามสวนลองกองหรือตามร้านตัวแทนขายกล้าพันธุ์  การปลูก ลองกองจะต้องกรีดถุงเพาะชำออกให้หมดและขณะกรีดจะต้องระวังไม่ให้ก้อนดินแตกออก หลังจากนั้น นำต้นลองกองลงปลูกพร้อมเกลี่ยดินกลบให้สูงจากพื้นเล็กน้อย ตามด้วยการปักข้างลำต้นด้วยไม้ไผ่ค้ำยันและรัดด้วยเชือกพอหลวมๆ

 

การให้น้ำ
หลังจากการปลูก หากฝนไม่ตกติดต่อหลายวันให้รดน้ำเป็นประจำอย่างน้อย 2 วัน/ครั้ง แต่หากมีฝนตกสม่ำเสมอก็ไม่จำเป็นต้องให้น้ำซึ่งจะปล่อยให้ลองกองเติบโตโดยอาศัยน้ำจากน้ำฝนเป็นหลักจนมีอายุประมาณ 3-4 ปี ซึ่งจะเริ่มให้ดอกลองกองติดผลครั้งแรก ในระยะที่ปล่อยให้ดอกลองกอง ติดผลครั้งแรก จะต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอเพราะหากขาดน้ำอาจทำให้ดอก และผลอ่อนร่วงได้ง่าย ดังนั้นในระยะตั้งแต่ออกดอกจนถึงติดผล เกษตรกรจะต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ  ส่วนการบังคับการออกดอกก่อนระยะออก ดอกปกติเกษตรกรจะต้องงดให้น้ำเป็นช่วงๆ คือ ไม่ให้น้ำนาน 9-15 วันต่อจากนั้นค่อยให้น้ำ แต่ให้ปริมาณน้อยเท่านั้น จนต้นลองกองเริ่มมีใบเหลืองและเหี่ยวร่วงบ้างแล้ว จึงให้น้ำเพิ่มขึ้นซึ่งในระยะที่ใบร่วงนี้จะเริ่มมีตาดอกแทงออกมาหลังจากนั้นจึงให้น้ำปริมาณเท่าเดิมที่เพียงพอ และต้องให้อย่างสม่ำเสมอ

 

การกำจัดวัชพืช
หลังจากที่ปลูกลองกองไปแล้ว จำเป็นต้องคอยกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในปีแรกที่ต้นยังไม่โตนัก ซึ่งมักจะมีหญ้าเติบโตเร็วกว่าโดยในระยะแรกหลังการปลูกอาจใช้จอบถากรอบโคนต้นก่อนแต่หากต้นโตมากจึงค่อยใช้การไถกลบรอบโคนต้น ทั้งนี้ ไม่แนะนำการใช้สารเคมีฉีดพ่น

 

การตัดช่อดอก
การตัดช่อดอกที่มีมากเกินไปจะช่วยแก้ปัญหาดอกหรือผลอ่อนร่วงได้เพราะหากปล่อยให้มีช่อดอกมากจะทำให้ดอก และผลมีการแย่งอาหารกันมากแต่หากมีจำนวนช่อดอกที่เหมาะสมก็จะช่วยให้ดอกเจริญเป็นผลที่สมบูรณ์ได้ทุกผลทั้งนี้ การตัดช่อดอกทิ้งจะตัดออกประมาณร้อยละ 10-20 หรือในแต่ละจุดจะให้มีช่อดอกเหลือประมาณ 1-3 ช่อเท่านั้น

 

การใส่ปุ๋ย
ปีที่ 1 หลังการปลูกลองกองแล้ว 3 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยบำรุงต้น สะสมอาหาร อัตรา 200 กรัม/ต้น โดยหว่านรายรอบๆโคนต้นและควรถากกำจัดวัชพืชออกก่อนพร้อมพรวนดินรอบกลบ หลังจากนั้น อีกประมาณ 2-3 เดือน ให้กำจัดวัชพืชรอบโคนต้น พร้อมใส่ปุ๋ยบำรุงต้นสะสมอาหารเหมือนเดิมกับครั้งแรก และเพิ่มปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15ร่วมด้วย ในอัตรา 100-150 กรัม/ต้น  และอีก 2-3 เดือนต่อมาหรือในช่วงที่อายุการปลูกครบ 1 ปี ให้ใส่ปุ๋ยบำรุงต้น สะสมอาหารและปุ๋ยเคมีตามอัตราข้างต้นอีกครั้ง

 

**แนะนำ ฉีดพ่นทางใบด้วยต้าร์ต้าร์ไม้ผล ในอัตรา 200 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร ทุกครั้งที่มีการใส่ปุ๋ย เพื่อให้การบำรุงต้นได้ถึงกระบวนการเผาพลาญพลังงานการสังเคราะห์แสง ป้องกันการเข้าทำลายจากหนอน แมลง และสร้างความแข็งแรงในระดับเซลล์ให้แก่ต้นลองกอง

ปีที่ 2-3
 หรือก่อนให้ต้นเริ่มติดผลจะให้ปุ๋ยและฉีดพ่นทางใบเหมือนในปีที่ 1 และแบ่งให้ 3ระยะ/ปี แต่ทั้งนี้อาจให้ติดผลบ้างเล็กน้อยสำหรับรับประทานเองก็ได้

ปีที่ 3-4 เป็นระยะลองกองเริ่มติดผลครั้งแรก ลำต้นจะเติบโต และแตกกิ่งจำนวนมากแล้วจึงค่อยปล่อยให้ดอกติดผล แบ่งเป็นระยะการให้ปุ๋ย ดังนี้

🌼ในช่วงก่อนระยะลองกองออกดอก ช่วงเดือนกุมภาพันธ์
ให้ใส่ปุ๋ยบุญพืช สูตรกระตุ้นตาดอกผสมกับปุ๋ยเคมีที่เคยใช้ ในอัตรา 3 : 1 ส่วน ใส่ 1-2 ก.ก. / ต้น และฉีดพ่นทางใบด้วยต้าร์ต้าร์ สูตรไม้ผล ในอัตรา200 ซีซีต่อน้ำ 200 ลิตร

🌱ระยะที่เริ่มติดผลช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
ให้ใส่ปุ๋ยบุญพืชสูตร เร่งผล เพิ่มพลังจัมโบ้ผสม ด้วยปุ๋ยสูตร 12-12-24 อัตรา 3 :1  ใส่ 1 ก.ก. / ต้น และฉีดพ่นทางใบด้วย ต้าร์ต้าร์ไม้ผล ในอัตรา 20 ซีซีต่อน้ำ20 ลิตร

🌳หลังการเก็บเกี่ยวแล้ว
หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตลองกองประมาณ10 -20 วันควรให้ปุ๋ยพลังบุญพืชผสมด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ในอัตรา 1 กิโลกรัม/ต้น และฉีดพ่นทางใบด้วย ต้าร์ต้าร์ สูตรไม้ผล ในอัตรา200 ซีซีต่อน้ำ 200 ลิตร  เพื่อฟื้นฟูต้นและใบลองกอง 
✔การเก็บผลลองกอง
ลองกองเป็นผลไม้ที่ไม่สามารถเก็บผลดิบนำมาบ่มได้ เพราะเป็นผลไม้ที่มีอัตราการหายใจต่ำหากเก็บผลในระยะที่ยังไม่สุกจะทำให้ผลที่เด็ดมาสุกได้แต่ยังให้รสเปรี้ยวเหมือนเดิม และเน่าได้ง่าย นอกจากนั้นยังพบปัญหาการเก็บลองกองอีก คือ ช่อผลและผลลองกองมักสุกไม่พร้อมกันจึงจำเป็นต้องเข้าเก็บผลในทุกวันด้วยการใช้ทักษะที่เชี่ยวชาญในการเก็บแต่ละช่อผลไปซึ่งจะมีข้อพิจารณาในการเก็บผลลองกอง ดังนี้
1.เปลือกผลลองกองเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีเหลืองเข้มทั่วช่อ
2. เนื้อผลลองกองมีความใสทั่วทุกกลีบและทดลองชิมเนื้อผลดู หากมีรสหวานมากกว่าเปรี้ยว แสดงว่าสามารถเก็บผลได้
3.ผลจะเริ่มเก็บได้หลังจากดอกบานแล้วประมาณ 180-220 วัน
4.หลังจากที่ผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองบ้างแล้ว 15-25 วัน
ทั้งนี้ผลที่เก็บจะพิจารณาระยะเวลาการขนส่งด้วย คือหากส่งใกล้ภายในจังหวัดรอบข้างจะเก็บผลที่สุกแล้วกว่าร้อยละ 90แต่หากส่งไกลหลายจังหวัด เช่น ใต้ขึ้นเหนือ จะเก็บผลที่สุกแล้วกว่าร้อยละ80