เมื่อก่อน…คนรุ่นปู่ย่าแค่ได้กินขนมทำจากถั่วเหลือง…ก็รู้สึกอร่อย หอมกรุ่นนุ่มลิ้นแล้ว แต่มาสมัยนี้วัฒนธรรมการกินเปลี่ยนไป เด็กรู้จักแต่ขนมฝรั่ง คุกกี้ เค้ก โดนัท ฯลฯ นอกจากหน้าตาจะน่ารับประทาน กลิ่นยังหอมหวนชวนกินกว่าขนมไทยหลายเท่า
ด้วยเหตุนี้ ผศ.ดร.เรืองชัย จูวัฒนสำราญ สาขาพืชไร่ คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ มีแนวคิดปรับปรุงพันธุ์ถั่วเหลืองให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น
เพื่อจะได้จูงใจให้เด็กไทยได้กินขนมทำจากถั่วเหลืองที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ…ไม่ใช่ไปหลงใหลอยู่กับขนมฝรั่ง ยิ่งกินยิ่งอ้วนจนโรคร้ายรุมตอม
เริ่มจากเก็บตัวอย่างถั่วจาก ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี ไทย จำนวน 50 สายพันธุ์ มาหาค่าความหอม ปรากฏว่า สายพันธุ์ “คาโอริ” และ “ชามาเมะ” จากแดนซากุระ ให้กลิ่นหอมที่สุด
จึงนำมาผสมพันธุ์กับถั่วเหลืองไร่พันธุ์เชียงใหม่ 60 และทดลองปลูกที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน แต่ต้นที่ได้เตี้ย ใบระดินเสี่ยงเกิดโรคได้ง่าย เลยย้ายพื้นที่ใหม่ไปทดลองปลูกในพื้นที่มีอากาศหนาวเย็นกว่า บริเวณ อ.แม่โจ้ แม่ริม แม่แตง จ.เชียงใหม่ และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
ถั่วเหลืองเติบโตได้ดี ต้นสูงไม่ระดิน ให้ฝักดก และเมื่อเก็บเอาไปต้มทั้งฝักแล้ว มีกลิ่นหอม และพอเอาไปทำ…นมถั่วเหลือง จะมีกลิ่นหอมเหมือนใส่ใบเตย
จึงเหมาะที่จะเอามาทำอาหารเสริมโปรตีนให้แก่เด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร จึงได้นำพันธุ์ถั่วเหลืองฝักสดที่ใช้ชื่อว่า MJU1, MJU2 เข้าร่วมโครงการอาหารเสริมในโรงเรียนทางภาคเหนือ และ การอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เกษตรกรสามารถเอาไปทำเป็นพันธุ์ปลูกขยายในพื้นที่สร้างรายได้เสริมต่อไปในอนาคต
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้ที่งาน “วันนักประดิษฐ์” ประจำปี 2556 ในวันที่ 2-5 ก.พ. ณ ศูนย์การประชุมอิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี.
ที่มา //ข่าวไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/content/edu/320633