สำหรับสถานการณ์การส่งออกกล้วยไม้ในปี 2556 คาดว่ารายได้จะเติบโตเท่ากับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ผู้ส่งออกยังจะเผชิญปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจสหภาพยุโรปและอเมริกาตกต่ำ ทำให้คำสั่งซื้อลดลง ดังนั้นจะต้องหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ ที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งมาชดเชย เช่น อินเดีย และเน้นเจาะงานเทศกาลใหญ่ ๆ ในประเทศที่มีเศรษฐกิจดี และสมาคมต้องการให้รัฐบาลช่วยเจรจาประเทศผู้นำเข้าให้เก็บภาษี 5-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 25-30%
นอกจากนี้ ผู้ส่งออกจะต้องมีการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้ามากขึ้น เพื่อหารายได้มาชดเชยกับปริมาณกล้วยไม้ที่ไม่พอส่งออก เช่น การจัดเป็นช่อ การทำแพ็กเกจจิ้ง และปีนี้จะเจอปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้นถึง 10% จากค่าแรง ค่าขนส่ง ค่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย
ด้านนายอุดม ฐิตวัฒนะสกุล นายกสมาคมไม้ดอกไม้ประดับแห่งประเทศไทย เจ้าของสวนอุดมการ์เด้น ผู้ส่งออกไม้ดอกไม้ประดับรายใหญ่ จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า ปี 2556 ตลาดไม้ดอกไม้ประดับยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโต มีการตกแต่งบ้านและคอนโดมิเนียมมากขึ้น โดยเฉพาะในเขต กทม.และชานเมือง การซื้อขายกล้วยไม้ใน จ.นครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม จะคึกคักมาก ส่วนตลาดต่างประเทศยังทรงตัวจากปัญหาเศรษฐกิจโลก
นายอุดมกล่าวว่า ต้องการให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เข้ามาสนับสนุนออร์แกไนเซอร์ ให้หันมาใช้ไม้ดอกไม้ประดับในประเทศ เพราะปัจจุบันพบว่ามีการใช้ไม้ดอกไม้ประดับจากจีนมากขึ้น เพราะมีราคาถูกกว่า
ที่มา //ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 8 ม.ค 2556